โรงน้ำชายุคใหม่ ใจกลางเมือง ที่คัดสรรและรวบรวมใบชาระดับคุณภาพ จากประเทศต้นตำรับที่แท้จริง
ในยุคที่ทุกอย่างต่างดูเร่งรีบไปหมด และผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตโดยมีกาแฟเป็นส่วนหนึ่ง จนอาจจะหลงลืมวัฒนธรรมการจิบชา ที่มีขั้นตอนพิถีพิถัน ทำให้เกิดแนวคิดการเปิดโรงน้ำชาร่วมสมัย หรือ contemporary teahouse อย่าง “Peace Oriental Teahouse” ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักและเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมของการชงชา และได้มีเวลาแห่งความสงบที่โรงน้ำชาร่วมสมัยแห่งนี้
โดยร้าน “Peace Oriental Teahouse” นั้นได้เปิดสาขาแรก ที่สุขุมวิท 49 เมื่อ 5 ปีก่อน โดยเน้นการตกแต่งแบบ minimal style ใช้โทนสีขาวสะอาดตาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รู้สึกสงบ สะอาดตาและสบายใจ ซึ่งร้านอีก 2 สาขาที่เปิดตามมาในภายหลังที่ G Tower และ King Power ก็จะใช้คอนเซปการตกแต่งร้านแบบเดียวกัน แต่ในวันนี้เราได้มาอยู่ที่สาขาน้องใหม่อย่าง “Chidlom/Langsuan” กันค่ะ ซึ่งการตกแต่งร้านในสาขานี้นั้นแตกต่างจากสาขาอื่นอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยจะเน้นใช้สีโทนเข้ม ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากไม้ และโดดเด่นด้วยกำแพงสูงที่มีกิมมิคเป็นลิ้นชักเก็บชา ซึ่งให้ความรู้สึกสงบในอีกแบบ รวมถึงให้กลิ่นอายของโรงน้ำชาในยุคสมัยก่อนค่ะ
แต่ตัวชาและเมนูของที่สาขานี้นั้น ก็ยังคงคุณภาพทุกอย่างไว้เหมือนเดิมกับที่อื่น โดยใบชาของที่ร้านจะถูกคัดสรรมาอย่างดีจากประเทศต้นตำรับแห่งการชงชาอย่างจีนและญี่ปุ่น เราสามารถเลือกชาได้หลากหลายมากๆเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชาร้อนซึ่งก็จะถูกแบ่งเป็นชนิดย่อยๆลงไปอีก โดยจะแบ่งตามประเภทของชาและระดับของ caffeine ค่ะ รวมไปถึงชาเย็น และเมนูอื่นๆที่ทางร้านนำมาประยุคใหม่เพื่อให้เข้ากับวิถีของคนรุ่นใหม่ด้วยค่ะ
ชาร้อนที่เราเลือกในวันนี้จะเป็นชา “oolong” กันค่ะ และเราเลือกที่จะนั่งในโซน “tea master bar” เพื่อที่จะได้เรียนรู้วิธีการชงชาและแลกเปลี่ยนบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องชาไปกับกูรูตัวจริง โดยขั้นตอนการชงชานั้นดูเผินเผินเหมือนจะง่ายแต่จริงๆแล้วมีความพิถีพิถันมากๆเลยค่ะ
เริ่มด้วยการนำใบชาอู่หลงที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี มาชั่งน้ำหนักที่พอเหมาะพอดี เทลงไปในกาน้ำชาแบบ traditional เลือกใช้น้ำร้อนที่ถูกควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมกับชนิดของชาแต่ล่ะอัน และในช่วงระหว่างที่รอเวลาใบชาแตกตัว ทางร้านก็จะเทน้ำร้อนลงในถ้วยชาและหมั่นราดลงบนกาน้ำชา ซึ่งนอกจากจะเป็นการล้างถ้วยชาไปในตัวแล้วนั้น ยังเป็นการควบคุมอุณหภูมิของตัวกาน้ำชาให้คงความร้อนที่พอเหมาะหมือนเดิม เพราะหากปล่อยวางไว้เฉยๆ ก็จะถูกอากาศรอบๆที่มีอุณภูมิห้องปกติเข้าไปทำให้ความร้อนไม่คงที่ ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติของตัวชาได้ค่ะ
หลังจากครบเวลาแล้ว การเสิร์ฟลงในถ้วยน้ำชาจะมีตะแกรงรองรับอีกทีเพื่อกรองเศษใบชาที่อาจจะหลุดร่วงลงมาได้ โดยการจับกาน้ำชาที่ถูกต้องนั้นจะจับโดยการใช้นิ้วชี้กดที่บริเวณฝากาน้ำชาลงที่ตรงเชือกเพื่อป้องกันการโดนความร้อนโดยตรง และใช้นิ้วที่เหลือจับบริเวณหูกาน้ำชาค่ะ และการเทชาจะเทสลับไปมาลงในถ้วยชาทั้งสองถ้วยพร้อมๆกัน เพื่อให้คงอุณหถภูมิและได้รสชาติที่เหมือนกันทุกถ้วยค่ะ
หลังจากนั้นทางร้านจะให้กาน้ำร้อนมาให้เพื่อที่เราจะสามารถชงชาได้เองค่ะ ซึ่งสามารถชงซ้ำได้มากถึง 7-8 รอบเลยทีเดียว และแนะนำว่าให้สั่งขนมมาทานเล่นคู่กับชาร้อนเซทนี้ ทั้งความหอมของชาและความหวานของขนมนั้นเข้ากันได้ดีมากๆ
มาต่อกันที่เมนูยอดฮิตอย่าง “pastel matcha” กันค่ะ ซึ่งจะอยู่ในหมวดหมู่ pastel หรือชานมของทางร้าน และเราสามารถเลือกได้ว่าจะทานแบบร้อนหรือเย็น ซึ่งในครั้งนี้เราเลือกมาเป็นแบบเย็น ซึ่งขั้นตอนของการทำเมนูนั้นก็เรียกได้ว่าพิถีพิถันเหมือนเดิม ตัวชาเขียวจะถูกเสิร์ฟมาในถ้วยพิเศษ ที่ถูกแช่เย็นมาอย่างดี ทำให้สามารถเก็บความเย็นของชาเขียวได้มากถึง 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องใส่นำแข็งเลยค่ะ ด้วยวิธีนี้จะทำให้เราได้รับรสชาติของชาเขียวที่เข้มข้นเต็มๆ เพราะไม่ถูกน้ำแข็งมาละลายทำให้เสียรสชาติไป แต่ถ้าหากใครที่ค่อนข้างเร่งรีบทางร้านก็มีบริการเสิร์ฟแบบ take away เช่นกันค่ะ
อีกหนึ่งเมนูพิเศษของทางร้านที่เราแนะนำก็คือ “Hongcha” โดยเราเลือกที่จะให้ทางร้านเสิร์ฟแบบนำกลับบ้านได้ ซึ่งทำให้เราได้เห็นขั้นตอนพิเศษอีกอยางหนึ่งของทางร้านก็คือ ก่อนเสิร์ฟลงในแก้วที่มีน้ำแข็งนั้น ทางร้านจะใช้แก้วเย็น จุ่มลงไปในตัวชาแล้วคนสักพัก เพื่อลดอุณหภูมิของน้ำชาลง เวลาที่เทลงไปในแก้วน้ำแข็งแล้วเนี่ยชาจะได้ไม่ไปทำให้น้ำแข็งละลายเร็วเกินไปจนออกมาปนกับน้ำชา ป้องกันการเสียรสชาติของชาไปส่วนหนึ่ง
เมนูนี้จะทอปด้วย “cream cheese” สูตรพิเศษของทางร้านด้วยค่ะ ซึ่งรสชาติหวานอ่อนๆของชาด้านล่างเมื่อทานแล้วบอกเลยว่าตัดกันได้ดีกับรสชาติของตัวชีสด้านบนมากค่ะ ถือว่าเป็นอีกเมนูที่เราค่อนข้างชอบมาก
สำหรับสายรักสุขภาพ ก็พลาดไม่ได้กับตัว “Yuzu Yoghurt” ซึ่งนำโยเกิร์ตมาเสิร์ฟคู่กับส้มโยซุ พร้อมกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เวลาทานเข้าไปแล้วรสชาติและความหอมของส้มโยซุคือนำขึ้นมาเลย บวกเข้ากับโยเกิร์ตก็คือไม่เปรี้ยวมากจนเกินไป รสชาติพอดีๆ
และหากใครที่หลงรักวัฒนธรรมการชงชาเข้าแล้วล่ะก็ ทางร้านมีเปิดให้บริการขายอุปกรณ์เกียวกับชาต่างๆ เรวมไปถึง gift set กลับบ้านกันได้ด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่าหากมีโอกาส ก็อยากจะให้หาเวลา หลีกหนีจากความรีบแร่งและวุ่นวายของตัวเมือง มาใช้ชีวิตแบบ slow life ดูสักครู่ เอนจอยไปกับการจิบชาพร้อมทั้งเรียนรู้วัฒนธรรมชาที่โรงน้ำชาร่วมสมัยใจกลางเมืองแห่งนี้ไปพร้อมๆกัน ขอให้ “Please enjoy quitely :)” นะคะ
TAKEOFF GUIDE
oolong
Pastel matcha
Hongcha
Yuzu Yoghurt
PRICE RANGE
฿ ฿
TEL
098 383 0982
MORE INFO
Official Website