เปิดบ้านเชฟ Fine-dining แบบสบายๆ ราคาเป็นมิตร จากทีมเชฟรุ่นใหม่ที่ผ่านมาหลายเวที ทั้งในและต่างประเทศ
หากจะหาร้านอาหารสำหรับค่ำคืนสุดพิเศษในบรรยากาศส่วนตัว สบายๆ เรารับรองว่าที่นี่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เพราะร้านนี้ตั้้งอยู่ในบ้านของเชฟเองครับ ร้าน Baan Khao จะเปิดให้บริการแค่วันละ 2 รอบ รอบละ 1 กรุ๊ปเท่านั้น สามารถรับรองได้มากสุด 8 ท่านครับ เชฟได้เนรมิตรห้องนึงของที่บ้านเป็นที่รับรองแล้วแต่งมาในรูปแบบของ Scandinavian มีกลิ่นอายของกระท่องเล็กกลางป่าอยู่เนืองๆ ร้านนี้เกิดจากการรวมกลุ่มของพี่น้องและเพื่อน ที่ต่างมีใจรักในสายอาชีพนี้ ทั้งเชฟข้าวโพด เชฟข้าวโอ๊ต และ เชฟเป้ ทั้ง 3 อยู่ในวงการอาหารเป็นเชฟให้กับร้านอาหารใหญ่ๆ รวมทั้งผ่านการแข่งขันกันมาหลายเวที จนสร้างชื่อเสียงทั้งใน และต่างประเทศอีกด้วย จึงเกิดการรวมตัวกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างสรรค์เมนูอาหารในแบบฉบับของตัวเอง และมีราคาที่เข้าถึงง่ายครับ
มื้ออาหารวันนี้จะเสิร์ฟกันทั้งหมด 8 คอร์ส โดยเมนูคอร์สนี้จะเสิร์ฟทั้งหมดเพียง 300 ชุดเท่านั้น และจะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแต่ละ season ครับ เชฟแอบบอกว่าน่าจะหมดภายในเดือน ส.ค นี้ละครับ ต้องรีบมาถึงจะได้เจอเมนูที่เหมือนของเรา เริ่มต้นมื้ออาหารสุดพิเศษกันด้วยการแนะนำตัวของเชฟทั้ง 3 ท่าน ประสบการณ์ของทั้ง 3 ท่านนี้ ไม่เบาเลยทีเดียว เพราะมาจากทั้งรายการ Master Chef และ Top Chef ในรอบลึกๆกันทั้งนั้น นอกจากนั้นแล้วยังมีผลงานการเข้าร่วมเวทีการประกวดในประเทศเกาหลี ที่เรียกได้ว่า โหดกว่าไทยหลายสิบเท่า อย่างรายการ The Team Chef อีกด้วย ทั้งยังเคยผ่านงานร้านอาหารระดับ Michelin Stars อย่าง Baltic Blunos, L’Atelier de Joel Robuchon, และ Ze kitchen Galerie Paris เรียกได้ว่าแค่การเริ่มต้นก็รับรู้ถึง Passion ในด้านการสร้างสรรค์เมนูอาหารอยากเต็มเปี่ยมของเชฟทั้ง 3 ท่านแล้ว หลังจากนั้นเพียง 5 นาที อาหารคอร์สแรกก็พร้อมเสิร์ฟแล้วครับ
คอร์ส 1 : CONE | ARANCINI | DIP
เริ่มคำแรกก็ปังแล้ว เปิดด้วยกรวยห่อหมกปลาน้ำดอกไม้ ใช่ครับ ปลาน้ำดอกไม้ ไม่ใช่พันธุ์มะม่วงที่เราคุ้ยเคย ตามด้วย Arancini ไส้ข้าวคลุกกะปิ จากตะกั่วป่า จ.พังงา และ Dip มันหวานญี่ปุ่นทรงใบไม้ ที่สอดด้วยน้ำพริกปลาจิ้งจั้งโรยด้วยผงใบบัวบกรสจัดจ้าน เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีครับ ทั้ง 3 ตัวจะมี texture ที่กรอบนอกนุ่มใน ทานคำเดียว แนะนำให้ทานช้าๆค่อยๆซึมซับครับ
คอร์ส 2 : EGG
เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมากจาก Chawanmushi หรือไข่ตุ๋นญี่ปุ่นนั่นเอง แต่นอกจากไข่ตุ๋นเนื้อเนียนแล้ว เชฟยัง Infuse ต้มข่าไก่ แล้วทอปด้วยโฟมอูนิ เชฟข้าวโพดเล่าให้ฟังอีกว่า เมนูนี้เป็นเมนูที่สร้างสรรค์เองกับมือในสมัยที่ยังเรียนอยู่ และได้รางวัลเป็นที่ 1 ของชั้น จากนั้นจึงนำมาพัฒนาต่อจนกลายเป็น EGG ในวันนี้นั่นเองครับ
คอร์ส 3 : SNOW CRAB
เมนูนี้คือสลัดเย็น เนื้อปูทาราบะที่ปรุงด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิดทานกับฟักแม้ว pressed ยูซุ ในน้ำซุปปูคอนซอมเม เมนูนี้เรียกได้ว่าบ่งบอกอายุกันเลยทีเดียว เพราะคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักฟักแม้วกันเท่าไหร่ จานนี้จึงเป็นเหมือนกับการแนะนำวัตถุดิบที่ไม่ค่อยได้เห็น มา fusion กับวัตถุดิบที่คุ้นชินอย่างเนื้อปูทาราบะครับ ทั้ง 2 วัตถุดิบมีกลิ่นหอมที่เข้ากันมากๆ รวมถึง texture ที่ตัดความกรอบของฟักแม้ว และความนิ่มของปูได้อย่างชัดเจน
คอร์ส 4 : SAUSAGE
เมนูไส้กรอกที่เห็นนี้เป็นเมนูที่ปราบเซียนมากๆ เพราะเชฟนำปลาดุก ซึ่งมีกลิ่นคาว มาทำไส้กรอก ซึ่งเป็นเมนูทางภาคเหนือมาปรับใช้ จากนั้นนำมาคลุกกับสมุนไพรของทางเหนือเช่น มะเเขว่น จะค้าน ผักแพวเพื่อกลบความคาวของปลาดุก ทานตัดเลี่ยนด้วย แยมมะอึก เป็นเมนูใหม่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แถมยังมีรสชาติที่อร่อยอีกด้วย
ENERGY SHOT : อันนี้เป็นช็อตขั้นเพื่อล้างปากครับ เป็นน้ำกระเจี๊ยบ เลม่อน น้ำผึ้ง ผสมกับ Peach Vinegar ดับคาวได้เป็นอย่างดี คือกินเข้าไปแล้วกลิ่นปลาดุกหายไปเลย
คอร์สที่ 5 : TORTELLINI
แผ่นเกี๊ยวไส้ตับปลาอังโก ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล” ทานคู่กับซอสบิสก์กุ้งเข้มข้น กลิ่นหอม รสสัมผัสมันอร่อย เนื้อแป้งนุ่ม บวกความจุ๊ยส์ของตับปลาอังโกคือสุด สุดในสุด
คอร์สที่ 6 : FISH OF THE DAY
ฟังชื่อดูเหมือนเมนูทั่วไปตามร้านอาหารซีฟู้ดต่างประเทศ ชนิดของปลาจะเปลี่ยนไปแล้วแต่วัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละวัน แต่รับรองว่าเนื้อสดไม่ยุ่ยแน่นอนครับ เชฟนำมา pan roasted และทานคู่กับผักกาดขาวซอย ดองในน้ำส้มสายชูลิ้นจี่ แนะนำให้คลุกและทานพร้อมๆกัน เพราะจะได้รสสัมผัสที่เป็นความนุ่ม และความกรอบ พร้อมๆกัน ส่วนรสชาติจะเป็นรสเบาๆไม่เลี่ยนครับ
คอร์สที่ 7 : DUCK BREAST / BEEF
ทางเลือกในเมนูระหว่าง อกเป็ด กับเนื้อออสเตรเลียเทนเดอร์ลอยน์ เริ่มด้วยเนื้อความสุกแบบ medium rare ทานคู่กับซอสปลาไหลสไตล์ญี่ปุ่น ทอปด้วยทรัฟเฟิล และทานคู่กับ puree แก่นตะวัน และแก่นตะวันกรอบ
ส่วนเมนูอกเป็ดนี้ใช้เวลากว่าข้ามคืนในการทำให้แห้ง ตากเกลือ เพื่อดึงความชื้น นำมาปรุงให้หนังกรอบราดด้วยซอสกอ (ของทางใต้) ทานคู่กับข้าวยำกะปิน้ำมันปลาทู รสชาติเซอร์ไพรส์มาก เพราะแปลก แต่อร่อย
PRE-DESSERT : ฟักข้าวเสาวรส กรานิต้า รายการนี้เป็นรายการแทรกที่เชฟเสิร์ฟให้โดยที่ไม่ได้มีอยู่ในคอร์สครับ เพื่อปรับลิ้นเตรียมรับรสชาติของหวาน
คอร์ที่ 8 : PANNA COTTA
เมนูปิดท้ายของเราในค่ำคืนนี้ สาโทจากชุมชนมอญเก่านำมาทำเป็นพานาคอตต้าผสมกับลำไย ทอปด้วยข้าวเหนียวมูลดำที่นำไป dehydrate กว่า 50 ชั่วโมง ส่วนตัวติดใจข้าวเหนียวมูลดำมาก เพราะกรอบ เหมือนข้าวเกรียบ แต่ทานแล้วยังมีความเหนียวอยู่ สามารถทำเป็นขนมทานเล่นได้เลย ปิดท้ายคอร์สได้สมบูรณ์แบบมากๆครับ
สำหรับอาหารคอร์สนี้ เป็นคอร์สแรกที่เชฟทั้ง 3 คนมารวมตัวกันแล้วสร้างสรรค์ขึ้นมา ส่วนตัวเราประทับใจมากๆในรสชาติของอาหาร และรู้สึกถูกมากเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป ยังไงก็ขอฝาก “บ้านข้าว” ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับทุกๆคนที่อยากทาน Fine Dining ในราคาย่อมเยาว์กันครับ