Caishen Thailand

คาเฟ่น้องใหม่ย่านนวลจันทร์ ที่เกิดมาจากแนวคิดห้องค้าหุ้น สู่คาเฟ่ของนักลงทุน

วันนี้เรามีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนคาเฟ่น้องใหม่ไฟแรง ย่านลาดพร้าว ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วง 4 เดือนก่อน โดย concept หลักๆของที่นี่เลยก็คือ เป็น community แห่งใหม่สำหรับนักลงทุน นักเล่นหุ้นได้มารวมตัวกัน พร้อมทั้งบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มที่เน้นคุณภาพแบบจัดเต็ม ที่ “Caishen Thailand” นั่นเองค่ะ

โดยพี่ป๋อม ผู้บริหารร้านไคเชนแห่งนี้ ได้อธิบายถึงที่มาของร้านให้เราฟังว่า เดิมทีเลยทางครอบครัวได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์หรือ Broker มาโดยตลอด และเมื่อก่อนการที่จะเล่นหุ้นในสมัยที่เทคโนโลยียังไม่เติบโตเท่าปัจจุบัน ก็คือนักเล่นหุ้นจะต้องไปรวมตัวกันใน “ห้องค้าหุ้น” ซึ่งจะมีจอใหญ่ๆที่แสดงการขึ้นลงของหุ้นแบบ real time และวิธีการซื้อหุ้นในยุคนั้นจะใช้เวลา และมีขั้นตอนที่ซับซ้อนต่างกับสมัยนี้มาก แต่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่ทำให้คนที่มีความสนใจในด้านเดียวกัน ได้ไปรวมตัวกันในช่วงเวลานั้น พี่ป๋อมจึงนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้จนได้มาเป็นการออกแบบของร้าน Caishen นี้เองค่ะ

พี่ป๋อมยังเสริมอีกว่าชื่อของ “Caishen Thailand” นั้นเป็นชื่อของ “เทพเจ้าแห่งเงินทองและโชคลาภ” ตามความเชื่อของคนจีนค่ะ

ร้านเปิดให้บริการทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 8.00 - 22.00 ค่ะ และที่ร้านมีบริการที่จอดรถอยู่ใต้ตัวอาคารเลย เมื่อเดินขึ้นบันไดจากลานจอดรถ เข้ามาในร้าน เราก็จะสังเกตเห็นจอใหญ่ๆที่แสดงการขึ้นลงของหุ้นแบบ real time อยู่ตรง counter bar เลยค่ะ ซึ่งลูกค้านักเล่นหุ้นที่มารวมตัวที่นี้ก็จะนำอุปกรณ์เช่นพวก iPad มานั่งดู ซื้อหุ้นและแลกเปลี่ยนบทสนทนาไปพร้อมๆกันค่ะ

ตัวร้านตกแต่งแบบ Loft Style เน้นใช้โทน ขาว ดำ น้ำตาล โชว์ความดิบ ความเรียลของโครงสร้างและ texture วัสดุต่างๆภายในร้าน พร้อมทั้งติดกระจก full height เกือบรอบด้าน ทำให้แสงเข้ามาถึงตัวร้านได้อย่างพอเพียง ให้ความรู้สึกสบาย โปร่งโล่ง ไม่อึดอัด รวมถึงเลือกใช้ furniture ต่างๆไปในทางเดียวกับตัวร้านได้เป็นอย่างดี รับรู้ได้ถึงเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมได้ดีเลยทีเดียว ร้านค่อนข้างกว้างขวาง สามารถรับรองลูกค้าได้เยอะอีกด้วยค่ะ

สำหรับเมนูแรกในวันนี้ เรามาเริ่มด้วย “Truffle Soup” (ซุปทรัฟเฟิล) กันค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นเมนู recommended ของที่นี่เลย ตัวซุปเข้มข้นเข้ากับขนมปังที่มาคู่ด้วยกันได้อย่างดีทีเดียวค่ะ ที่สำคัญกลิ่นของ truffle คือหอมเตะจมูกยั่วน้ำลายมากจริงๆค่ะ

และเมนูถัดมาก็คือ “Salmom Salsa” (สเต็กแซลมอน) ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสฟักทอง ตกแต่งด้วยหน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศสับ และให้มะนาวคู่กันสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มรสชาติความเปรี้ยวนิดๆให้กับจานนี้ ซึ่งจานนี้ทั้งรสชาติและคุณภาพของวัตถุดิบ ให้สิบเต็มไม่หักเลยค่ะ แนะนำว่าให้สั่ง “Truffle Fries” (มันฝรั่งทอดรสทรัฟเฟิล) มาทานเสริมคู่กับจานนี้ด้วยนะคะ คือรับรองว่ามันดีมาก ทางร้านให้ truffle กันมาแบบเน้นๆคุ้มค่าราคากันเลยทีเดียว

ในส่วนของ salads นั่น เราเลือกสั่งตัว “Warm salad” (วอร์มสลัด) มากันค่ะ จานนี้จะเป็น seafood หมึก กุ้ง ซึ่งสดใหม่และตัวบึ้มๆเลย มาคู่กับผักสมุนไพรต่างๆ จานนี้จะออกเปรี้ยวนำหน่อยๆ ซึ่งก็ลงตัวเข้ากันได้ดีกับพวกอาหารทะเลค่ะ

ต่อมาเป็นจานที่หนักขึ้นมาหน่อย ซึ่งก็คือ “Spaghetti Seafood Tom Yum” (สปาเก็ตตี้ต้มยำทะเล) ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเมนู recommended ของที่นี่เช่นกันค่ะ เป็นการ fusion ระหว่างอาหารไทยและอิตาเลี่ยน จานนี้รสชาติจะค่อนข้างเผ็ดในระดับนึงค่ะ ส่วนพวกวัตถุดิบอื่นๆ กุ้ง ปลาหมึก หอย นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ทางร้านก็ให้กันแบบเต็มๆ คุณภาพเน้นๆ เหมือนเดิมค่ะ

และแล้วก็มาถึงเมนู highlight ในวันนี้ นั่นก็คือ “Roast Chicken” (ไก่อบเครื่องเทศครึ่งตัว) จานนี้เสิร์ฟไก่มากันแบบเน้นๆจุกๆจริงค่ะ ทางร้านจะจัดไก่มาในจานใหญ่ คู่กับกระเทียมย่าง ซอส mustard อย่างดี ประดับด้วยโรสแมรี่ย่างไฟ เพิ่มกลิ่นหอมให้กับจานนี้อย่างสุดๆ และมาพร้อมกับเครื่องเคียงอย่าง มันม่วงทอด ด้วยค่ะ ซึ่งตัดรสชาติกับตัวไก่ได้ดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป เมนูนี่ค่อนข้างใหญ่ ทางร้านเลยทำมาเพื่อสำหรับเป็นจานแชร์ด้วยค่ะ ทางร้านจะบริการนำไก่ไปหั่นให้เป็นชิ้นย่อยๆ ที่นี่เราก็สามารถเอามาแบ่งกับเพื่อนและเอนจอยกับไก่อบเครื่องเทศจานนี้แบบแฮปปี้ๆกันแล้วค่ะ

Pasta อีกจานนึงที่เราได้มาลองก็คือ “Italian Sausage Aglio Olio Squid Ink” (สปาเก็ตตี้เส้นดำผัดพริกและไส้กรอกอิตตาเลี่ยน) จานนี้จะเป็นเส้นสปาเก็ตตี้สีดำ และใช้ไส้กรอกอิตตาเลี่ยน กับ parmesan cheese เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งจานนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจานที่ recommened เช่นกันค่ะ

ในส่วนเครื่องดื่มนั้น วันนี้เราได้ลิ้มลองหนึ่งในเมนู signature ของที่ไคเชนกันค่ะ นั่นก็คือ “Mr.OJ” ซึ่งเมนูนี้จะเป็นกาแฟผสมกับผลไม้รสชาติเปรี้ยว เช่นส้ม นั่นเองค่ะ ในตอนแรกด้วยความที่ตัวเราไม่ใช่สายกาแฟสักเท่าไหร่ ก็แอบสงสัยนะคะว่าเอ๊ะ มันจะเข้ากันได้จริงไหม แต่พอทานเข้าไป ก็คบอกได้เลยว่า ถ้ามีโอกาสจะต้องสั่งมาทานอีกแน่นอนค่ะ รสชาติแก้วนี้คือไม่ได้ขมกาแฟเกินไป และก็ไม่ได้โดนรสชาติของผลไม้นำไป เข้ากันได้พอดี และตัวแก้วก็ตกแต่งมาอย่างสวยงาม จะถ่ายลง instagram ก็ปังไม่ไหวจริงๆค่ะ

สุดท้ายนั้น มีคาวก็ต้องมีหวานค่ะ เราก็ขอปิดท้ายสวยๆด้วยเมนู “Matcha White Choc Lava Cake” ซึ่งเราก็ยังไม่เคยพบเจอเมนูนี้ที่ไหนมาก่อน ในตัวเมนูลาวาอาจจะใช้เวลาสักนิด เพราะทางร้านเขาทำขึ้นมาสดๆใหม่ๆเลยค่ะ บอกเลยว่าตัว matcha lava ข้างในนั้นคือทะลั่กมาก ลาวาสมชื่อจริงๆ แถมทางร้านยังเสิร์ฟมาคู่กับซอสถั่วแดงญี่ปุ่น ซึ่งก้ให้ถั่งแดงแบบเน้นๆเช่นกัน รสชาติเข้ากันได้ดีกับชาเขียวมากจริงๆ แนะนำว่าถ้าได้มาแล้วก็ต้องลองให้ได้ค่ะอันนี้ ก็จะถือว่าเป็นการปิดท้ายมื้อนี้ไปแบบสวยๆเลยค่ะ และแอบกระซิบมาว่า ในอนาคตทางร้านมีแพลนที่จะขยายสาขาไปที่อื่นเช่นกันค่ะ ยังไงก็ติดตามคาเฟ่น้องใหม่ไฟแรงนี้ไว้ด้วยนะคะ