Contemporary Thai Cuisine แบบ Fine Dining ด้วย Concept More is More อลังการต้นตำหรับฉบับชาววัง
หากใครที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยบรรยากาศปังๆ Presentation เริศๆไว้เช็คอินในวันพิเศษอยู่แล้วล่ะก็ วันนี้เรามีร้านอาหารไทยชื่อดังร่วมสมัยอย่างร้าน “Royal Osha” ที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ย่านธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพมาแนะนำกัน
โดยตั้งอยู่ใน Royal Resident Park Lumpini บนถนนวิทยุใจกลางเมือง การเดินทางมาก็สะดวกมากๆ หากใครขับรถมาก็สามารถจอดในตัวโครงการได้เลย เมื่อเดินเข้ามาแค่การตกแต่งร้านก็อลังการงานสร้างสมคำร่ำลือ ทั้งร้านเต็มไปด้วย materials แบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งชฏาสีทองไซส์ใหญ่ยักษ์ใจกลางร้าน ผนังที่เต็มไปด้วยภาพวาดแบบไทยๆ ลายกนกเอยอะไรเอย และแถมด้วยการฉายเรื่องราวของรามเกียรติ์บน ceiling ซึ่งเรื่องราวของรามเกียรติ์ก็ถูกนำใช้เป็นส่วนหนึ่งของ presentation ในอาหารแต่ล่ะจานอีกด้วยค่ะ
ในการตกแต่งร้านเราว่าอลังการในระดับหนึ่งแล้ว แต่ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มก็อลังการไม่แพ้กัน โดยทางร้านจะแบ่งออกเป็นทั้งเมนูแบบ a la carte และ tasting menu ซึ่งวันนี้เราได้มาลิ้มลองกันทั้งสองแบบโดยตัว tasting menu ในครั้งนี้จะเป็นตัว “Royal of Osha” (3200++THB) ซึ่งประกอบไปด้วยทั้งหมด 7 จานด้วยกันค่ะ ทางร้านจะเสิร์ฟ welcome drink และ side dish ในตอนเริ่มต้นให้กับทุกคน จะแตกต่างกับไปในแต่ฤดูกาล ซึ่งของเราเครื่องดื่มจะเป็นตัว “Royal Golden” เก็กฮวยผสมกับมะนาวและจินเจอแอล และ “Panipuri” แสร้งว่ากุ้งบวกกับมูสอะโวคาโดเสิร์ฟมาแบบพอดีคำ กรุบๆเขัากันได้อย่างพอดี
ในส่วนของ “Royal of Osha” tasting menu จะเปิดด้วยตัว “Meuang Kham Bua Lhuang” เมี่ยงคำในสไตล์ของทางร้าน ประกอบไปด้วย มะฮ้อสับปะรด, ถั่วกวน, เครื่องเมี่ยง, ขิง, มะพร้าวคั่ว, หอมแดง, ถั่วลิสง, กุ้งขาว และพริกสด เสิร์ฟมาบนกลีบไปบัวหลวงแบบพอดีคำ
ทานคู่ไปพร้อมกับเครื่องดื่ม signature ของทางร้าน “Osha Chada” เครื่องดื่มค็อกเทลผสมด้วยเหล้าไทยแท้แม่โขง บวกกับสับปะรดและเสวรสมาพร้อมกับชฎาและพวงมาลัย ให้ความรู้สึก amazing Thailand เก๋ๆ และ “Ma lai” ค็อกเทลเหล้าแม่โขงบวกกับสารสกัดจากดอกไม้ไทยอย่างจำปาและจำปี ประดับด้วยพวงมาลัยเพิ่มความหอมของดอกมะลิอ่อนๆ
ต่อกันด้วยจานที่ 2 “Seared Yellow Fin Tuna Pad Cha” ทูน่าฉ่ำๆ คลุกเคล้ากับซอสผัดฉ่าและส้มออแกนิค
และอีกหนึ่งจานที่เราค่อนข้างชอบเป็นพิเศษในหมวดของ a la carte “Canadian Lobster” ล็อปสเตอร์ส่งตรงจากแคนาดา ตัวใหญ่ เนื้อเด้งๆฉ่ำๆหวานๆ แทรกด้วยส้มตำผลไม้ออแกนิคของไทยแท้ เป็นอีกจานที่เราแนะนำว่าถ้ามาแล้วต้องลองโดนดูสักครั้งเลยค่ะ
จานที่ 3 ของ tasting menu จะเป็นตัว “Sea Scallop” ฮอตาเตะตัวเบิ้มจากฮอกไกโด กับซัลซ่าปลาเค็มและน้ำมันผักชี
มาถึง Highlight ของวันนี้ “ข้าวแช่” หนึ่งในเมนูของชาวไทยโบราณ ซึ่งประวัติของตัวข้าวแช่เนี่ยมีต้นกำเนิดมาจากชาวมอญ แล้วส่งอิทธิพลมาถึงไทย เป็นเมนูยอดฮิตของชาววังสมัยก่อน ค่อนข้างหาทานได้ยากด้วยกรรมวิธีที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงถูกเลือกเป็นหนึ่งในเมนูยืนโรงของทางร้าน
ความพิเศษข้าวแช่ในแบบฉบับของ “Royal Osha” ตัวข้าวส่งตรงจากยโสธร ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุด แล้วนำไปแช่อย่างพิถีพิถันในน้ำแร่ส่งตรงจากอิตาลี เพิ่มความละมุนด้วยดอกไม้ของถึง 4 ชนิดอย่างกุหลาบมอญ, มะลิ, กระดังงา และชมนาถ ซึ่งวิธีการทานก็จะค่อนข้างพิเศษกว่าอาหารจานทั่วไป ด้วยเครื่องเคียงที่มากถึง 7 ชนิด โดยทางร้านจะมีใบไกด์มาให้ว่าเครื่องเคียงไหนควรทานกับอะไร เพื่อให้ได้รับรสชาติผามผสานกับวัฒนธรรมการทานข้าวแช่แบบดั้งเดิมที่ดีที่สุดในฉบับของชาววังแท้ๆ
ตัดมาที่อีกหนึ่งเมนูจานเดี่ยวปังๆของทางร้านที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับวัฒนธรรมต่างเมืองได้อย่างลงตัวอย่าง “จิ้มจุ่มปลาเต๋าเต้ย” ที่ชื่ออาจจะดูธรรมดาแต่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เสิร์ฟมาอย่างจัดเต็มบนใบบัว พร้อมกับกลีบบัวหลวงสำหรับไว้ทานคู่กับปลาและน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน ซดกับน้ำแกงหอมๆซึ่งเต็มไปด้วยเห็ดรวม, พริกแห้ง, โหระภา และข้าวคั่ว ฟินๆนัวๆ
มาถึงจานที่ 4 ของ tasting menu เมนูขึ้นชื่อของประเทศไทยอย่าง “Tom Yum Koong” ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจานที่ค่อนข้างว้าวมากๆ ทางร้านจะเสิร์ฟมาเป็นกุ้งแม่น้ำตัวบิ้กเบิ้มในจาน แยกตัวน้ำและเครื่องปรุงไว้ ในเครื่อง syphon ใช้ความร้อนส่งผ่านความดันขึ้นไปให้ตัวน้ำไปผสมกับเครื่องปรุงด้านบน ซึ่งพูดเลยว่าเราไม่เคยเห็นกรรมวิธีที่น่าสนใจอย่างนี้ในเมนูอาหารที่ไหนแน่นอน เมื่อนำตัวน้ำต้มยำมาผสมกับกุ้งแม่น้ำในจาน บอกเลยว่าเข้ากันได้อย่างพอดี๊พอดีมาก ถ่ายลงเช็คอินไม่เหมือนใครแน่นอน
พักเบรกด้วยจานเดี่ยวอย่าง “แกงปูใบยี่หร่า” ปูตัวใหญ่ยักษ์สดๆส่งตรงจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีบ้านเรา คั่วกับเครื่องแกงฉบับชาวใต้แท้ๆ มาคู่กับข้าวร้อนๆเสิร์ฟมาในกะลามะพร้าว ได้กลิ่นความหอมและรสชาติของมะพร้าวอ่อนๆ
และตัว Main Course ที่เราค่อนข้างรอเป็นพิเศษอย่าง “New Zealand Lamb Rack with Green Curry Sauce” หรือเรียกง่ายๆว่า ซี่โครงแกะแกงเขียวหวาน ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังแม้แต่นิดเดียว ด้วยเนื้อแกะคุณภาพแน่นส่งตรงจากนิวซีแลนด์ คลุกเคล้าเข้ากับเครื่องเทศจากทางใต้ เข้ากันได้ดีมากๆ ทานหมดเกลี้ยงภายในพริบตา
อีกหนึ่ง Main Course ที่เป็นตัวเลือกของคอร์สเมนู “Grilled Salmon Curry Sauce” แซลม่อนสดๆคลุกเคล้ากับซอสแกงกะหรี่รสชาติจัดจ้านเข้ากันได้อย่างลงตัว
คั่นด้วยจานล้างปากก่อนเข้าสู่ของหวานอย่าง “Seasonal Fruit Sorbet” ไอศกรีมซอร์เบที่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลของผลไม้ต่างๆในประเทศไทย ให้รสชาติออกไปทางเค็ม ซึ่งถือว่าช่วยตัดรสของคาวก่อนจะเข้าสู่หวานได้ดีในระดับนึงเลยค่ะ
มาถึงช่วงของหวานก็พูดได้เลยว่าทางร้านก็ยังจัดเต็มไม่แพ้คาวเลยทีเดียว ทั้งตัว “Kanom Ko” ของหวานแบบไทยๆสมัยก่อน ที่ผสมผสานข้างเหนียวแบบไทยๆกับตัวมะพร้าวได้อย่างลงตัว และขนมหวานที่มาในเช็ตของขาวแช่ รสชาติดีความหวานไม่มากไม่น้อยเกินไป พร้อมกับ Presentation สุดปังประทับใจในทุกจาน คอนเฟิร์มว่าชาว Instagramer ทั้งหลายจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน ความจัดเต็มเล่นใหญ่ของทุกจานคือไม่มีคำว่าแผ่วเลย
ปิดท้ายอำลาไปด้วยขนมหวาน Farewell ของทางร้าน อย่าง “ขนมชั้น” ที่นำมาผสมผสานในรูปแบบใหม่กับอาหารจากนานาชาติ อย่างทาร์ตและดาร์คชอคโกแลตด้านล่างได้อย่างลงตัว เสิร์ฟมาในตาชั่งปังๆ แต่แอบกระซิบหน่อยว่าขนมปิดท้ายของทางร้านจะแตกต่างกันไปในแต่ฤดูกาล หากใครที่ไปทานอาจจะไม่เจอขนมเช่นเดียวกับเรา แต่รับรองได้ว่าคุณภาพและคอนเซปยังแน่นเหมือนเดิมแน่นอน
สุดท้ายนี้เราขอคอนเฟิร์มเลยว่า ใครที่กำลังมองหาอาหารไทยที่ไม่ไทยธรรมดาจะต้องเลิฟที่นี้สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นความปังของการตกแต่งร้านรวมไปถึงการตกแต่งจาน ถ่ายลงไอจีใดๆไม่มีคำว่าแผ่วอย่างแน่นอน มีความเล่นใหญ่อลังการสมกับชื่อของ “Royal Osha” คับแน่นไปด้วยคุณภาพของวัตุดิบ รสชาติอาหารไทยจัดจ้าน รวมไปถึงบริการระดับห้าดาว ที่จะทำให้เราประทับใจจนจะต้องมาซ้ำอีกหลายๆรอบแน่นอน
TAKEOFF GUIDE
- 7 Course Tasting Menu
- ข้าวแช่
- แกงปูใบยี่หร่า
- จิ้มจุ่มปลาเต๋าเต้ย
- Osha Chada
- Ma Lai
PRICE RANGE
฿ ฿ ฿ ฿ ฿
TEL
02 256 6555
MORE INFO
Official Website
HOURS
จันทร์ - เสาร์ : 11.00 - 14.30,
18.00 - 23.00
อาทิตย์ : 12.00 - 14.00,
18.00 - 23.00
DIRECTION
Map
NEARBY
Lumphini Park
FACILITIES
- Car Park at Ruamrudee Hotel