โฉมใหม่ของตำนานไอศกรีม “ทิพย์รส” ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 50 ปี
วันนี้ก็มาถึงคิวของ ของหวานชื่อดังแห่งย่านเตาปูน ซึ่งก็คือร้าน “ทิพย์รส” ไอศกรีมไทยระดับตำนานนั่นเองค่ะ เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยคุ้นชื่อของร้านนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะร้านนี้เปิดให้บริการมามากกว่า 50 ปีแล้วค่ะ ซึ่งพี่ก้อง หนึ่งในเจ้าของกิจการคนปัจจุบัน ได้เล่าให้เราฟังว่า แต่เดิมร้านเปิดอยู่ในห้องแถวติดกับริมถนนเลยค่ะ การตกแต่งร้านในสมัยนั้นจะใช้เป็นโต๊ะและเก้าอี้ที่มีลักษณะคล้ายกับโต๊ะจีน และโดดเด่นด้วยนาฬิกาโบราณ เรือนใหญ่ หลายเรือน ประดับอยู่รอบร้าน แต่ในปัจจุบันนั้น ร้าน “ทิพย์รส“ ได้ย้ายเข้ามาอยู่ใน ซอย กรุงเทพนนทบุรี 2 ค่ะ และร้านได้ถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมดให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงกลิ่นอายของสมัยก่อน ด้วยนาฬิกาโบราณแขวนกับผนังเช่นเคย
การเดินทางมาที่ร้าน “ทิพย์รส“ สะดวกมากๆค่ะ เราสามารถนั่งมาลงที่ MRT สถานี เตาปูน และเดินต่อเข้าไปใน ซอย กรุงเทพนนทบุรี 2 เพียงแค่ 300 เมตรก็จะเจอกับตัวร้านแล้วค่ะ ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ช่วง 9.00 - 20.00 เลยค่ะ แต่ถ้าหากใครขับรถมา ก็ต้องขับเลยเข้าไปทางตลาดอีกนึดนึง ตรงบริเวณนั้นจะมีที่ที่รองรับสำหรับจอดรถอยู่ค่ะ
เราจะมาเริ่มที่ 1 ใน 5 เมนู ระดับตำนาน ที่อยู่คู่กับร้านมามากกว่า 50 ปี ของทางร้านกันค่ะ ซึ่งก็คือเมนู “ข้าวเหนียวทุเรียน” นั่นเอง แค่ตอนมาเสิร์ฟเราก็ได้กลิ่นของทุเรียนแบบแน่นๆแล้ว ตัวไอศกรีมเนี่ยทางร้านได้ใช้ทุเรียนหมอนทองแท้ๆแบบแน่นๆ ผสมผสานกับสูตรเฉพาะของทางร้าน จนออกมาเป็นไอศกรีมทุเรียนสีเหลืองน่ารับประทานอย่างที่เราเห็น และยิ่งนำมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูน บวกกับมะพร้าวขูดเข้าไป บอกได้เลยว่าเลิศมากๆ ใครที่เป็น Durian lover คือห้ามพลาดเมนูนี้จริงๆค่ะ
มาที่อีก 1 เมนู signature ระดับตำนานของทางร้านกันค่ะ เมนู “ทิพย์รสไข่แข็ง” นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นเมนูที่ฮอตฮิตอย่างมาก ไม่ว่าจะในยุคก่อนหรือตอนนี้ โดยทางร้านได้ใช้ ไข่แดง เต็มฟองแบบคุณภาพเน้นๆ เพื่อที่รับประทานเข้าไปแล้วเนี่ย จะสัมผัสได้ถึงความมันจากรสชาติของไข่แดงอย่างเต็มที่ และทางร้านแนะนำมาว่า เมนูนี้ควรทานคู่กับ ไอศกรีมกะทิรวมมิตร ซึ่งจะเข้ากันได้ดีกับตัวไข่แดงแข็ง และเครื่องที่ทางร้านใส่มาให้ทั้ง ขนุน และ ลอดช่อง กันแบบคุ้มค่าราคา หรือถ้าหากเราอยากจะลองทานคู่กับไอศกรีมตัวอื่นก็สามารถเลือกได้เลยค่ะ ทางร้านมีรสชาติให้เลือกมากกันถึง 18 รสชาติ ซึ่งเป็นรสชาติที่คิดค้นและผลิตโดย “ทิพย์รส” ทั้งหมดเลยค่ะ
Highlights ประจำในวันนี้ก็คือ “Thipparot Amazing Menu” (ทิพย์รสอะเมซิ่งเมนู) ซึ่งพี่ก้องได้บอกกับเราว่า เมนูเหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยใช้แนวคิดแบบ contemporary ทางร้านตั้งใจให้เป็นเมนูร่วมสมัย ซึ่งถูกปากคนในยุคปัจจุบันแต่ก็ยังคงกลิ่นอายของยุคสมัยก่อน ด้วยการดึงขนมไทยโบราณ ที่คนอายุไม่มากในรุ่นเราๆอาจจะหลงลืมไปแล้ว มาเป็นวัตถุดิบของเมนูต่างๆค่ะ
เราจะมาเริ่มกันที่เมนู “หอมหมื่นไมล์“ กันค่ะ โดยเมนูนี้ เชื่อว่าหลายคนก็ยังมีความคุ้นชินกันอยู่ ทางร้านได้นำขนมปังปิ้งเนยมาเป็นวัตถุดิบหลัก ผสมผสานกับซอสสังขยาใบเตย และทานคู่กับไอศกรีมรส นมสด ซึ่งแค่ตอนมาเสิร์ฟ กลิ่นของเมนูก็คือหอมยั่วสมกับชื่อเมนูมากๆเลยค่ะ และรสชาติของวัตถุดิบในจานนี้ก็คือเข้ากันได้ดีมากๆ
ต่อมาก็คือเมนู “ถังทอง” และพระเอกหลักในเมนูนี้นั้นก็คือ “ขนมถังแตก“ นั่นเองค่ะ ซึ่งขนมถังแตกเนี่ยถือว่าหาทานได้ยากมากๆในยุคนี้ ขนมตัวนี้หลักๆเลยทำมาจากแป้งและใส่เครื่องต่างๆลงไปตามที่ผู้ทานชอบ แต่ในเมนูนี้ทางร้านเลือกใส่น้ำตาล งาขาว งาคั่วลงไป ซึ่งเข้ากันได้ดีมากๆกับตัวไอศกรีมรสกะทิรวมมิตร บวกกับมะพร้าวอ่อนด้านบน คือบอกได้เลยว่าต้องลองดูสักครั้งจริงๆค่ะ
ทิพย์รสอะเมซิ่ง ลำดับที่ 3 นั่นก็คือ “น้ำเต้าหู้โบราณ“ ค่ะ วัตถุดิบหลักเมนูหลักจานนี้ก็คือ น้ำเต้าหู้ ตามชื่อเลยค่ะ ทางร้านได้ผสมผสานรสชาติความคลาสสิคของน้ำเต้าหู้ เข้ากับ ไอศกรีมงาดำ ซึ่งเข้ากันได้ดีมากๆ บวกกับใส่เครื่องของน้ำเต้าหู้ลงไปด้วย เช่น เม็ดบัว แป๊ะก๊วย วุ้น สาคู ลูกเดือย ถั่วแดง และโก๋กรอบ เวลาทานแล้วให้ความรู้สึกของการทานน้ำเต้าหู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง มีทั้งความเย็นและหวานของไอศกรีม คู่กับความละมุนของน้ำเต้าหู้ ยิ่งบวกกับฟองเต้าหู้กรอบๆที่ประดับมาด้านบนตัวไอศกรีม คือทุกอย่างเข้ากันได้ดีไปหมด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มาแล้วต้องลองเลยค่ะ
และเมนูที่เราได้ตั้งตารอเป็นการส่วนตัวก็คือเมนู “ปลากริมไข่เต่า กะทิหอม“ นั่นเองค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วตอนเด็กๆเราเป็นคนที่ชอบทานขนมปลากริมไข่เต่ามากๆค่ะ แต่พอมาในยุคปัจจุบันนั้นหาทานได้ยากเหลือเกิน และทางร้านก็ไม่ทำให้เราผิดหวังอีกเช่นเคย ด้วยการนำขนมปลากริมไข่เต่า บวกเข้ากับไอศกรีมรสเผือก และท็อปด้วยเผือกทอดกรอบๆ พูดเลยว่าสมกับที่คาดหวังไว้เลยค่ะ
วันนี้เรามาปิดท้ายกันด้วยเมนู “วิจิตรไข่ฝอย หมี่กรอบส้มซ่า“ ซึ่งอะเมซิ่งสมชื่อจริงๆเพราะเราก็ยังไม่เคยเห็นเมนูแบบนี้ที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ ถือว่าเป็นการนำของคาวและของหวานมา fusion กัน ซึ่งตอนแรกเราก็มีความสงสัยว่าตัวเมนูจะเข้ากันไหม แต่พอได้ทานแล้วบอกเลยว่า มัน เลิศ มาก โดยทางร้านดึงเมนูที่ฮิตกันมากๆในสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างหมี่กรอบส้มซ่า ซึ่งมีรสหวานอมเปรี้ยว และได้ความกรุบกรอบของตัวหมี่ ที่เมื่อมาทานคู่กับไอศกรีมรสกะทิรวมมิตร ที่ท็อปด้วยไข่ฝอยทอด ด้านบน ก็คือมันดีมากจริงๆ
ทางร้านแอบกระซิบมาว่า ถ้าหากใครไม่สะดวกเดินทางมาที่ร้าน แต่อยากลองทานทิพย์รสอะเมซิ่งและเมนูอื่นๆ ทางร้านมีบริการส่งผ่านทาง Grab หรือ Lineman นะคะ และถ้ากังวลว่าไอศกรีมจะละลายไหม ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะ เพราะทางร้านมีกรรมวิธีการห่อเก็บความเย็น ที่ปรับปรุงมาจากการห่อแบบโบราณ ซึ่งสามารถเก็บความเย็นได้อย่างดีมากถึง 1.30 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว และในอนาคตทางร้านจะขยายสาขาร้าน “ทิพย์รส“ ไปที่ The mall สาขางามวงศ์วานด้วยค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามร้านไอศกรีมโบราณแห่งนี้ไว้ด้วยนะคะ
TAKEOFF GUIDE
- Pra kim Kai Tao
- Nam Tao Hu Bo Ran
- Ice Cream Kai Kang
PRICE RANGE
฿
TEL
02 585 0415
MORE INFO
Facebook