แจวเรือฝ่าหมอก ในอ้อมกอดของดวงดาว
ทริปสั้นๆ 4วัน3คืน เริ่มต้นจากการหาทำของกะเทย ก็คืออยาก Retreat จากความวุ่นวายในเมือง ไปพักผ่อนดื่มด่ำกับธรรมชาติแสนหวานจับใจ ไปแบบลุยๆ เป็น Backpacker สาวชาวกรุงซะหน่อย ไถ feed ไปเรื่อยๆก็ โอเค นัมเบอวัน ตกลงปลงใจที่ แม่ฮ่องสอนนี่แหละ มันต้องเก๋ มันต้องดือย์ แม่ฮ่องสอน ฉันเลือกนาย
การเดินทางไปแม่ฮ่องสอนจากกทม. ก็มีมากมายหลายวิธี ทั้งบินไปเชียงใหม่ แล้วเช่ารถ หรือต่อรถบัสเข้าแม่ฮ่องสอน หรือ จะบินตรงลงแม่ฮ่องสอนด้วยนกแอร์วันละไฟลท์ ราคาจับใจน้ำตาไหลไม่กล้ากดจอง สุดท้าย หวยคู่เราไปออกที่รถทัวร์ของสมบัติทัวร์จ้า นั่งจากกรุงเทพตอนเย็นถึงแม่ฮ่องสอน 8 โมงเช้า สนนราคา VIP seats 1200/หัว เตียงปรับได้ 135 องศา มีรูเสียบชาร์จแบตสบายใจ จองได้ ที่นี่ เลยจ้า
Tips : ขึ้นรถละรีบนอนนะคะ ตี1-9โมงเช้าฝ่า 1800 โค้ง กะเทยตาหลุด อัดยานอนหลับยังตื่นแล้วตื่นอีก ถึงจุดหมายแม่ฮ่องสอน 8โมงเช้า กระเป๋ารองเท้าชั้นกระเด็นไปกองกันคนละฝั่ง 555
จากท่ารถแม่ฮ่องสอน เราสองก็โบกตุ๊กๆไปตลาดสายหยุดค่ะ จุดสตาร์ทของรถสองแถวไปบ้านรักษ์ไทย และปางอุ๋ง ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราในทริปนี้ ระยะทางไปตลาดประมาณ 3-4 กิโล ถ้าใครว่างก็หาเดินเอานะคะ ส่วนรถจะออก 9.30 มีเวลาเดียว มีคันเดียว ขับวนเป็นวงกลมวงเดิมที่มันไม่เต็มวง สนนราคาไปบ้านรักษ์ไทย 120 บาท โทรไปถามเขาว่าหนูจะเดินไปไหว้พระก่อนทันไหมคะ พี่เขาตอบแบบชื่นใจ จะทำอิหยังก็ทำกะเจ้า แต่ลุงออก 9.30 อะ โอเค ลุงเขาตอบปังมาก ให้ 10 เต็ม
1 ชั่วโมงกว่าๆ สองแถวเหลืองก็วิ่งมาถึงจุดหมาย บ้านรักษ์ไทย ของเรา เราเช็คอินกันที่ ชาสารักไทย รีสอร์ท ฟีลที่พักสไตล์จีนๆ อินสไปร์บายกำแพงเมืองจีน อินสไปร์แม้กระทั่งการเดินขึ้นห้องพักสุดชันดุจไต่กำแพงของจริง ที่เดินขึ้นแล้วเหนื่อยแทบขาดใจ 555 เราได้ห้องพักวิวสวยมาก ระเบียงกว้าง เห็นทะเลสาบทั้งหมด ราคาคืนละ 2100 บาท ฟาซิลิทิครบครัน
เมื่อเราพักผ่อนกันเรียบร้อย แดดเริ่มร่มลมตก ก็มูฟออกไปยังจุดมุ่งหมายแรก ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท รีสอร์ทวิวไร่ชาอันแสนโด่งดัง ที่เราก็อยากจะนอนที่นี่อะแหละ แต่มันเต็มยาวไปอีก 2 เดือน 55555 แต่ที่นี่เขาเปิดให้ผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าเข้าชมได้เวลา 10.00 - 17.00 ค่ะ ก็เลยแวะเข้าไปชมสักหน่อย บ้านพักสไตล์จีนยูนนาน บ้านดินสวยๆ กับไร่ชาขั้นบันไดสุดลูกหูลูกตา เดินเข้าไปแล้วรู้สึก Royal brave true อินเน่อร์มันมา นึกว่าตัวเองเป็น ฮัวมู่หลาน เดินร้องเพลง “ใครกันที่มองจ้องมา สบสายตาไม่คุ้นเคย” จนคนนึกว่าอีนี่มันเป็นบ้า ใช่แน่ๆ มันต้องเป็นคนสติไม่ดีแน่ๆ
เมื่อเราถ่ายรูปที่ลีไวน์กันเสร็จ แดดกำลังสวยช่วงบ่ายๆแก่ๆ เลยเดินเลาะตามทางริมน้ำไปชักรูปมุมกว้างมาสักหน่อย มองเผินๆนึกว่ารีสอร์ทชื่อดังฝั่งทะเลอันดามันอยู่นะ ฟีลโอ้เอ๋วกะเจ้า แต่บ่าจ้ายเศรษฐินีภูเก็ต เป็นเศรษฐินีจาวดอยก่อ
พอพระอาทิตย์เริ่มลอยต่ำ โคมแดงเริ่มเปิดกันทั่วหมู่บ้าน เราก็เตรียมตัวไปล่องเรือกันจ้า จองรอบค่ำๆไว้ กะชมพระอาทิตย์ตกแสนสุขจากบนเรือ จองได้ที่ Cafe ของลีไวน์เลยค่า ค่าเรือรอบเย็น 290 ค่ะ แต่เราจองรอบเช้าไปด้วยอีก 320 กะจะดูทั้ง Sunset และ Sunrise ไปเลย ตามสไตล์ดัดจาของคนอย่างเราๆ
ชั้นสองคาเฟ่สวยมากนะ the must!! วิวจากที่นี่ตอนเย็นๆ เรารู้สึกเหมือนอยู่ทะเลสาบ como ที่อิตาลีเลยค่ะ ระหว่างรอคิวก็แวะไปทานอาหารที่ร้านอาหารของลีไวน์ค่ะ เอาดีๆ ชาอร่อยมากนะ อร่อยเลย ชายอดน้ำค้างหอมละมุนมาก ส่วนเมนิวยอดฮิตของเขา ขาหมูอะไรเนี่ย ไม่ได้รับทานค่ะ แค่เห็นก็ความดันขึ้นแล้ว ไม่กล้าสั่ง แต่จะบอกว่า ปลาทอดกระเทียมอร่อยมากกกกกกกกกกด ส่วนต้มผักตั่งๆ ก็ อืม เตือนละนะ 5555
พระอาทิตย์ตกแล้ว ถึงเวลาล่องเรือค่า แจวชมแสงไฟยามค่ำคืน บรรยากาศสุดฟิน บนเรือก็มีชาให้ดื่มร้อนๆแก้หนาว กับมีพรอพถ่ายรูปเป็นพัดให้ด้วยค่ะ พอเราล่องเรือกันเสร็จ ก็กลับห้องนอนกันค่ะ เพราะค่อนข้างล้าจากการนั่งรถทัวร์ 15 ชั่วโมง แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ ตี5 เพื่อมารอล่องเรือดูพระอาทิตย์ขึ้นรอบเช้าสุด 6.20 อีกค่ะ
มอนิ่งนะคะมอนิ่งตอนเช้าอากาศ 12 องศา ด้วยการออกมาลงเรืออีกรอบค่ะ ซึ่งเราได้จองเอาไว้แล้วเมื่อคืน ทางพี่เขาจะแนะนำว่ารอบ 7 โมงสวยที่สุดนะคะ แต่ส่วนตัวเราว่ารอบ 6.20 สวยสุดค่ะ ขาล่องไปจะยังเห็นเมืองที่ยังมืดและเปิดไฟโคมแดงอยู่ ล่องฝ่าหมอกไปเลยค่า ละขากลับพระอาทิตย์จะเริ่มขึ้นแล้ว บรรยากาศดีมากๆ สวยแทบขาดใจ เห็นหมอกลอยต่ำเหนือน้ำเหมือนเราล่องฝ่าเมฆเลยค่ะ
พอเราล่องเรือกันเสร็จประมาณ 7 โมง ทีนี้เหล่ามวลมหาประชาชนก็จะมาออต่อแถวรอขึ้นเรือรอบที่ทางลีไวน์แนะนำว่าสวยค่ะ จังหวะนี้วิวจากร้านกาแฟจะสวยที่สุดค่ะ ขึ้นไปชั้น2เลยค่ะ วิวสุดปังมากกกก จิบชอคโกแลตร้อนๆควันกรุ่นๆ ชมเรือพายกลางทะเลหมอกที่ลอยเหนือน้ำพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบน้ำ สวยสุดบรรยายจริงๆ
พอเราถ่ายรูปกันจนพอใจ ก็ไปเชคเอาท์ที่โรงแรม แล้วโทรเรียกรถเจ้าเดิมมารับค่ะ จากบ้านรักษ์ไทย ไปปางอุ๋ง ซึ่งตรงจุดนี้ เราเที่ยวสวนเส้นทางรถ เราเลยต้องเหมารถลงไปปางอุ๋งค่ะ คนละ 200 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีได้ ปกติรถจะวิ่ง ตลาดสายหยุด - ปางอุ๋ง - บ้านรักษ์ไทย - ตลาดสายหยุด ค่ะ ถ้าเอาสะดวก เที่ยวปางอุ๋งก่อน จะประหยัดค่ารถได้ค่ะ แต่ของเราโชคดีค่ะ เพราะถ้าสลับวันไปปางอุ๋งก่อน เราจะไม่เจอหมอกเลยสักวัน ถือว่าเป็นบุญค่ะ ที่เราเลือกมาบ้านรักษ์ไทยก่อน
พอมาถึงปางอุ๋ง เราเลือกพักที่ ลุงปาละโฮมเสตย์ค่ะ อยู่หน้าทางเข้าอุทยานประมาณ 500 เมตรค่ะ คืนละ 900 บาท located อยู่กลางถนนคนเดินค่ะ พอเชคอินเรียบร้อยเราก็เดินเข้าไปในปางอุ๋งกันค่ะ
ปางอุ๋งไม่ได้ใหญ่มาก แว๊บแรกที่เห็นก็นึกถึงสวิตเซอร์แลนด์ตามคำโปรยของเขาจริงๆนั่นแหละค่ะ น้ำใสมาก มีน้อนหงส์ว่ายเลาะตามริมฝั่ง เราเดินชมวิวถ่ายรูปจนทั่ว แล้วก็ตกลงกันว่าจะล่องแพกันสองรอบแบบเดิมค่า คือล่องตอนบ่ายๆชมวิวรอบนึง และล่องพรุ่งนี้เช้าอีกรอบนึงค่ะ ล่องแพที่ปางอุ๋ง 150บาท/2คน ค่ะ
พอล่องแพกันเสร็จเราก็เหนื่อยค่ะเลยกลับที่พักกัน สั่งหมูกะทะมากิน นั่งผิงกองไฟ เม้ามอยกับเพื่อนกลุ่มใหม่ที่รู้จักกันได้เพราะไปขอยืมไดร์เป่าผมเขามา 55555 แล้วนัดกันว่าจะออกไปนอนดูดาวกันตอน5ทุ่มค่ะ ดาวสวยมากกกก ดาวเต็มฟ้าจริงๆ แอบเห็นน้องนายพรานชัดอยู่น้า น้องซิริอุส น้องลูกไก่ งี้ เสียดายมาก มาช้าไปเดือนนึง อดเห็นน้องช้างเผือกตัวโตกลางฟ้าเลย
พอเราชมดาวกันเรียบร้อย ก็ถึงวาระกลับที่พักนอนกันค่ะ ต้องตื่นตี5 มาล่องแพเหมือนเดิม เช้าวันนี้ดวงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฟ้าปิด หมอกไม่มา เราก็ล่องๆแพกันไปแล้วก็เตรียมพร้อมกลับเชียงใหม่ค่า
ซึ่งเราเดินทางกลับเชียงใหม่ ด้วยการนั่งสองแถวจากปางอุ๋งไปแม่ฮ่องสอนตอน 11โมงค่ะ สนนราคา 90 บาท แล้วนั่งรถบัสยิงยาวจากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ของเปรมประชาทัวร์จองจากเวปหรือ คลิกที่นี่ ได้เลยค่า 250 บาท ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงถึงเชียงใหม่ แวะร้านเหล้าเจิมเหล้าสองจอก เป็นอันจบทริป บินกลับกทม ด้วยสภาพตุยเย่วาตานาเบ้ไอโกะค่ะ